งบการเงิน
งบการเงิน คือรายงานทางการเงินและบัญชี ที่มีแบบแผน เพื่อแสดงฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสดของกิจการในแต่ละงวดบัญชี ประกอบด้วย 3 งบหลัก ได้แก่ งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด
งบดุลส่วนบุคคล
งบดุลส่วนบุคคล คือ รายงานที่แสดงสถานะความมั่งคั่งทางการเงินของบุคคล ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง มีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยให้เห็นภาพรวมของความมั่งคั่งทางการเงินของบุคคล ช่วยในการเปรียบเทียบความมั่งคั่งทางการเงินกับบุคคลอื่นๆ ช่วยในการวางแผนทางการเงิน เช่น วางแผนเกษียณ วางแผนการลงทุน เป็นต้น
การจัดทำงบดุลส่วนบุคคลสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของ (สินทรัพย์เพื่อการลงทุน) ของบุคคล ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แล้วนำมาจัดเรียงในรูปแบบของงบดุลส่วนบุคคล
สำรวจสินทรัพย์ หนี้สิน และการลงทุนของคุณ
สินทรัพย์ ?
– เงินสด
– เงินฝากธนาคาร
– เงินฝากสหกรณ์
– บ้านที่อยู่อาศัย
– รถยนต์ รถจักรยานยนต์
– เพชร พลอย เครื่องประดับ
– เงินออมเพื่อเกษียณอายุ
– ประกันชีวิตตามมูลค่าเวนคืน
หนี้สิน ?
– หนี้บัตรเครดิต
– หนี้เงินกู้ผ่อนสินค้า
– หนี้ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ สาธารณูปโภค
– หนี้เงินกู้เพื่อการศึกษา
– หนี้เงินกู้ซื้อบ้าน
– หนี้เงินกู้ซื้อรถ
– หนี้เงินกู้อื่นๆ
ส่วนของ (สินทรัพย์เพื่อการลงทุน) ของบุคคล ?
– อสังหาริมทรัพย์ บ้าน รถ ทรัพย์สินให้เช่า ฯลฯ
– กองทุนรวม LTF RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พันธบัตร หุ้น ทองคำ
– ของสะสม เช่น พระเครื่อง ภาพวาด ฯลฯ
– เงินลงทุนอื่น
งบรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล
งบรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล คือ รายงานที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรายได้และค่าใช้จ่ายของบุคคลในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ช่วยให้บุคคลเข้าใจสถานะทางการเงินของตนเอง โดยสามารถเปรียบเทียบรายได้และค่าใช้จ่ายในแต่ละงวด เพื่อดูว่ารายได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือลดลง มีเงินเหลือใช้หรือไม่ และมีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยให้เห็นภาพรวมของรายได้และค่าใช้จ่ายของบุคคล ช่วยในการติดตามความคืบหน้าของแผนการทางการเงิน ช่วยในการวางแผนทางการเงิน เช่น วางแผนการออม วางแผนการใช้จ่าย เป็นต้น
การจัดทำงบรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายได้และค่าใช้จ่ายของบุคคลในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แล้วนำมาจัดเรียงในรูปแบบของงบรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล
สำรวจรายได้และค่าใช้จ่ายของคุณ
รายได้ ?
– เงินเดือน ค่าจ้าง
– ค่าล่วงเวลา
– เงินรางวัลจาการทำงานตามเป้าหมาย เช่น คอมมิสชั่น อินเซนทีฟ
– เงินโบนัส
– กำไรจากทำธุรกิจส่วนตัว การลงทุน
– รายได้พิเศษต่างๆ
ค่าใช้จ่าย ?
– ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค
– ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
– ค่าใช้จ่ายนันทนาการต่างๆ
– ค่าใช้จ่ายดูแลบุคลิกภาพและหรือสุขภาพ
– ค่ารักษาพยาบาล
– ค่าใช้จ่ายดูแลครอบครัว
– ค่าใช้จ่ายคืนหนี้บัตรเครดิตและหรือเงินกู้ยืมต่างๆ
– ค่าเช่าบ้าน และหรือ ค่าผ่อนบ้าน
– ค่าผ่อนรถยนต์ และหรือ ค่าผ่อนรถจักรยานยนต์
– ค่าสินค้าเงินผ่อน
– ค่าเบี้ยประกันภัยประกันชีวิต และหรือประกันสุขภาพ
– ผลขาดทุนนจากการลงทุน (หากเป็นเงินที่จ่ายไปเพื่อการลงทุนรอผลตอบแทน จัดว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน)
เทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย
- ดูว่ารายได้ของกิจการเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากรายได้ของกิจการเพิ่มขึ้น แสดงว่ากิจการมียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงกิจการมียอดขายเพิ่มขึ้น หรือกิจการมีราคาขายสินค้าหรือบริการเพิ่มขึ้น
- ดูว่าค่าใช้จ่ายของกิจการเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากค่าใช้จ่ายของกิจการเพิ่มขึ้น แสดงว่ากิจการมีต้นทุนการผลิตหรือต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงกิจการมีต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น หรือกิจการมีต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น
- ดูว่ากำไรของกิจการเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากกำไรของกิจการเพิ่มขึ้น แสดงว่ากิจการมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายไม่เพิ่มขึ้น หรือกิจการมีรายได้เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้
- ดูว่าหนี้สินของกิจการเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากหนี้สินของกิจการเพิ่มขึ้น แสดงว่ากิจการมีภาระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงกิจการมีการลงทุนเพิ่มขึ้น หรือกิจการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
- ดูว่าเงินสดของกิจการเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากเงินสดของกิจการเพิ่มขึ้น แสดงว่ากิจการมีกระแสเงินสดเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงกิจการมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือกิจการมีการจัดหาเงินทุนเพิ่มขึ้น
เทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้นเท่านั้น ผู้ที่สนใจในการอ่านงบการเงินควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินและอัตราส่วนทางการเงิน เพื่อให้สามารถอ่านงบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ หรือข้อมูลที่ดูดีเกินความเป็นจริง ในงบการเงิน
- เปรียบเทียบข้อมูลในแต่ละงวด หากพบว่าตัวเลขในงบการเงินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่สอดคล้องกับปัจจัยแวดล้อม เช่น เศรษฐกิจ การแข่งขัน เป็นต้น อาจเป็นการบ่งชี้ถึงความผิดปกติหรือข้อมูลที่ดูดีเกินความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น กิจการมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ค่าใช้จ่ายไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อาจเป็นการบ่งชี้ว่ากิจการมีการบันทึกรายได้ที่เกินจริง
- เปรียบเทียบข้อมูลกับอุตสาหกรรม หากพบว่าตัวเลขในงบการเงินของกิจการแตกต่างจากตัวเลขในงบการเงินของกิจการอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม อาจเป็นการบ่งชี้ถึงความผิดปกติหรือข้อมูลที่ดูดีเกินความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น กิจการมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อาจเป็นการบ่งชี้ว่ากิจการมีการบันทึกหนี้สินที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
- วิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน อัตราส่วนทางการเงินเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์งบการเงิน โดยอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวมีความหมายและใช้ในการวิเคราะห์ที่แตกต่างกัน หากพบว่าอัตราส่วนทางการเงินของกิจการมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นการบ่งชี้ถึงความผิดปกติหรือข้อมูลที่ดูดีเกินความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น กิจการมีอัตราส่วนกำไรต่อทุน (Return on Equity Ratio) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อาจเป็นการบ่งชี้ว่ากิจการมีการบันทึกกำไรที่เกินจริง
- พิจารณาปัจจัยแวดล้อม นอกจากปัจจัยภายในกิจการแล้ว ยังมีปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของกิจการ เช่น สภาพเศรษฐกิจ การแข่งขัน เป็นต้น หากไม่พิจารณาปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้ อาจทำให้เข้าใจตัวเลขในงบการเงินผิด ตัวอย่างเช่น กิจการมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว อาจเป็นการบ่งชี้ว่ากิจการมีรายได้เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ไม่ใช่การบันทึกรายได้ที่เกินจริง
ตัวอย่างกรณีของความผิดปกติหรือข้อมูลที่ดูดีเกินความเป็นจริงในงบการเงิน
- การบันทึกรายได้ที่เกินจริง
- การบันทึกค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
- การบันทึกสินทรัพย์ที่สูงกว่าความเป็นจริง
- การบันทึกหนี้สินที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
- การบันทึกกระแสเงินสดที่เกินจริง